ในการเขียนโปรแกรม การทำงานซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ถือเป็นเรื่องปกติในการเขียน ซึ่งการจะใช้โค้ดเดียวกันซ้ำ ๆ กันนั้น ส่วนมากเค้าไม่เขียนซ้ำ ๆ กันบ่อย ๆ แต่จะเขียนฟังก์ชันการทำงานขึ้นมา แล้วเวลาต้องการใช้ซ้ำ ๆ กัน ก็เพียงแค่เรียกชื่อฟังก์ชันขึ้นมาก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ดังนั้น ในบทความนี้ เรามาดูฟังก์ชันในภาษา PHP กัน
ฟังก์ชันใน PHP มีอยู่ 2 แบบ นั่นคือ ฟังก์ชันมาตรฐาน (Built-In Function) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ภาษา PHP มีให้อยู่แล้วสามารถเรียกใช้ได้เลย เช่น ฟังก์ชัน Date, sort เป็นต้น และฟังก์ชันอีกแบบคือ ฟังก์ชันแบบที่เราสร้างขึ้นเอง (User-Defined Function: UDF) ฟังก์ชันที่เราสร้างเองเป็นยังไง และสร้างยังไง มาดูกัน
เรามาดู Syntax ของการสร้างฟังก์ชันกันก่อน ตามด้านล่างเลยคะ
วิธีการตั้งชื่อฟังก์ชัน
ชื่อของฟังก์ชันควรสื่อความหมายที่ฟังก์ชันทำงาน
ชื่อของฟังก์ชันต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรหรือขีดล่างเท่านั้น
ต่อไปมาดูตัวอย่างการสร้างและการเรียกใช้กันคะ
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ตัวอย่างการเขียนฟังก์ชัน ตัวอย่างแรก
Output ที่ได้คือ
สวัสดีครับ นี่เป็นการทดสอบการเขียนฟังก์ชัน PHP จาก www.doesystem.com
ฟังก์ชันนี้ชื่อ helloDoesystem เวลาต้องการเรียกใช้ ก็แค่เรียกชื่อฟังก์ชัน
ตัวอย่างการเขียนฟังก์ชัน ตัวอย่างที่ 2
Output ที่ได้คือ
สวัสดีครับ คุณ Somchaiสวัสดีครับ คุณ SomYing
สวัสดีครับ คุณ Sompong
ฟังก์ชันนี้ชื่อ helloName เวลาต้องการเรียกใช้ ก็แค่เรียกชื่อฟังก์ชันแล้วตามด้วยพารามิเตอร์ name ที่ต้องการให้แสดงออก
ตัวอย่างการเขียนฟังก์ชัน ตัวอย่างที่ 3
Output ที่ได้คือ
สวัสดีครับ คุณ นารัตน์ พัดลมโชย
สวัสดีครับ คุณ หรูหรา ออมตง
สวัสดีครับ คุณ นางหวด สวามิพัก
สวัสดีครับ คุณ นารัตน์ พัดลมโชย
สวัสดีครับ คุณ หรูหรา ออมตง
สวัสดีครับ คุณ นางหวด สวามิพัก
ฟังก์ชันนี้ชื่อ helloName เวลาต้องการเรียกใช้ ก็แค่เรียกชื่อฟังก์ชันแล้วตามด้วยพารามิเตอร์ name กับ lastname ที่ต้องการให้แสดงออก
ตัวอย่างการเขียนฟังก์ชัน ตัวอย่างที่ 4
5 5 + 2 = 7 ฟังก์ชันนี้ชื่อ add เป็นฟังก์ชันบวกเลขสองตัว เวลาต้องการเรียกใช้ ก็แค่เรียกชื่อฟังก์ชันแล้วตามด้วยพารามิเตอร์ x กับ y ที่ต้องการบวกกัน เวลาต้องการแสดงก็สั่ง echo ด้วยเพราะว่า ในฟังก์ชัน return ค่าออกมา
วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
วิธีสร้างฐานข้อมูล Mysql
วิธีสร้างฐานข้อมูล Mysql
จะยกตัวอย่างการสร้างฐานข้อมูลโดยการใช้ phpMyAdmin หลังจากติดตั้ง Appserv นะ
ขั้นตอนที่ 1 เปิดเว็บบราวเซอร์ แล้วเข้าไปที่ http://localhost/ หรือ 127.0.0.1 ดังรูปที่ 1 ภาพหน้าแรกของ Appserv
รูปที่ 1 หน้าแรก Appserv
ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่ 2 คลิกที่ phpMyAdmin Database Manager Version 2.10.3 แล้วจะเจอ popup ให้ใส่ username และ password ดังรูปที่ 2
ให้ใส่ username กับ pass ที่ท่านได้กำหนดตอนติดตั้งโปรแกรมนะ เสร็จแล้วเลือกภาษาให้เป็นภาษาไทยด้วยนะ สำหรับบางท่านที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเลือกที่ช่อง เลือกภาษา ตามตัวอย่างรูปที่ 3
ภาพที่ 2 popup username password
ให้ใส่ username กับ pass ที่ท่านได้กำหนดตอนติดตั้งโปรแกรมนะ เสร็จแล้วเลือกภาษาให้เป็นภาษาไทยด้วยนะ สำหรับบางท่านที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเลือกที่ช่อง เลือกภาษา ตามตัวอย่างรูปที่ 3
รูปที่ 3 อธิบายหน้าแรกของ phpMyAdmin
ขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนที่ 3 จากนั้นกรอกชื่อฐานข้อมูลต้องการที่ช่อง "สร้างฐานข้อมูลใหม่" แล้วกดปุ่ม "สร้าง" ดังรูปที่ 3
รูปภาพที่ 3 สร้างฐานข้อมูล
จากนั้นก็จะมาขั้นตอนการสร้างตารางของฐานข้อมูล โดยการ ใส่ชื่อตารางที่ช่อง "สร้างตารางในฐานข้อมูลนี้" และกำหนดจำนวน fields ที่ท่านต้องการ สำหรับตัวอย่างนี้ จะสร้างตารางเก็บประวัิติลูกค้า โดย จะใช้ชื่อตารางว่าcustomer และมีจำนวน fields 5 fields
รูปภาพที่ 4 แสดงสร้างตาราง โดยกำหนด ชื่อ และ จำนวน fields
รูปภาพที่ 4 แสดงสร้างตาราง โดยกำหนด ชื่อ และ จำนวน fields
ขั้นตอนที่ 4
ขั้นตอนที่ 4 หลังจากที่กำหนดชื่อตารางและกำหนด fields เสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าจอการกำหนด คุณสมบัติของ fields โดยจะยกตัวอย่างการสร้าง fields ดังต่อไปนี้
1. รหัส (id)
2. ชื่อ (name)
3. นามสกุล (surname)
4. ที่อยู่ (address)
5. เบอร์โทรศัพท (phone)
เราก็จะได้ฐานข้อมูล ที่ชื่อ test_create_database และมีตารางชื่อ customer พร้อมใช้งานแล้ว
1. รหัส (id)
2. ชื่อ (name)
3. นามสกุล (surname)
4. ที่อยู่ (address)
5. เบอร์โทรศัพท (phone)
ซึ่งเราจะต้องกำหนดชนิดของตัวแปรในส่วนนี้ด้วย
ชนิดของข้อมูลที่สนับสนุน
ชนิดข้อมูลที่ MySQL สนับสนุนแบ่งเป็นสามประเภทหลักใหญ่ๆ
- ชนิดข้อมูลที่เป็นตัวเลข
- BIT (มีใช้ได้กับ MyISAM, InnoDB, Memory)
- TINYINT
- SMALLINT
- MEDIUMINT
- INT
- BIGINT
- ชนิดข้อมูลที่เกี่ยวกับวันที่และเวลา
- DATETIME
- DATE
- TIMESTAMP
- TIME
- YEAR
- ชนิดข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวอักษร
- CHAR
- VARCHAR
- BINARY
- VARBINARY
- BLOB
- TEXT
- ENUM
- SET
รูปภาพที่ 4 ภาพแสดงการกำหนด fields และคุณสมบัติต่างๆของฐานข้อมูล ตาราง customer
กำหนด ให้ รหัส (id) เป็น primary key และกำหนดให้เป็น auto_increment (สร้างรหัสอัตโนมัติ)โดยการคลิกเลือก ตามตัวอย่าง รูปภาพที่ 5
รูปภาพที่ 5 กำหนด primary key และกำหนดให้เป็น auto_increment
เมื่อกำหนดค่าต่างๆของฐานข้อมูลตาราง customer กดปุ่ม "บันทึก" หรือ ถ้าหากต้องการเพิ่ม field ก็สามารถ กดที่ "ลงมือ" ดังภาพที่ 6
รูปภาพที่ 6 บันทึกหรือเพิ่ม field ใหม่
เราก็จะได้ฐานข้อมูล ที่ชื่อ test_create_database และมีตารางชื่อ customer พร้อมใช้งานแล้ว
รูปภาพที่ 7 ตาราง customer
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)